6.08.2553


ปลาปอมปาดัวร์(pompadour) หรือมีชื่อเรียกสามัญ
ภาษาอังกฤษว่า Discus อยู่ในสกุลของ Symphysodon
และจัดอยู่ในครอบครัว Cichlidae ซึ่งเป็นครอบครัว
ปลาที่ใหญ่ที่สุดครอบครัวหนึ่ง โดยมีมากถึงกว่า 600
ชนิด มีชื่อเรียกรวมๆกันทั่วไปว่า Cichilds ปลาในครอบ
ครัวนี้ส่วยใหญ่มีถิ่นกำเนิดและพบอาศัยในเขตร้อน โดย
เฉพาะทวีปแอฟริกา อเมริกากลาง และอเมริกาใต้

ลักษณะที่สำคัญของปลาในครอบครัว Cichlidae คือ มีครีบหลังต่อกันยาวตลอด
ส่วนของลำตัว และบริเวณส่วนครีบหน้าจะเป็นหน้าแหลม ซึ่งจะต่อติดกับครีบอ่อน
ที่อยู่ด้านท้ายลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งคือ รูจมูกมีเพียงข้างละรู ซึ่งแตกต่างจาก
ปลาในครอบครัวอื่นที่มีรูจมูกข้างละ 2 รู ปลาจำพวก Cichildsมักจะมีสีสันบนลำตัว
สวยงาม จึงมีผู้นิยมนำมาเลี้ยงเป็นปลาตู้ซึ่งคนรู้จักกันทั่วไป เช่น ปลาเทวดา ปลา
ออสก้าร์ เป็นต้น ส่วนที่นำมาเลี้ยงเป็นอาหารก็คือ ปลาหมอเทศ ปลานิล เป็นต้น
ปลาปอมปาดัวร์ เป็นปลาที่มีรูปร่างลักษณะเป็นรูปทรงกลม
ลำตัวแบนมีความกว้างของลำตัวมากจนมีลักษณะคล้ายจาน
ตามครีบหลังและครีบท้องเรียนเป็นแนวยาวตลอดจนถึงครีบ
หาง โดยบริเวณด้าหน้าของครีบหลัง และครีบทวารที่ต่อกัน
กับครีบอ่อนด้านท้ายจะมีลักษณะแข็งเป็นหนามแหลมคล้าย
เงี่ยง ลวดลายและสีสันลำตัวมีอยู่ด้วยกันหลายสี ขนาดโต
เด็มที่ประมาณ 6-8 นิ้ว

เป็นปลาที่มีการเคลื่อนไหวเนิบนาบดูอ่อนช้อยสวยงาม
มีถิ่นกำเนิดเดิมที่ลุ่มแม่น้ำอเมซอน อันเป็นแม่น้ำที่อยุ่ใน
ทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งมีลำน้ำสาขาต่างๆไหลผ่านครอบคลุม
หลายประเทศด้วยกัน เช่น บราซิล เวเนซุเอลา โคลัมเบีย
และเปรู ซึ่งปัจจุบันบริเวณลุ่มแม่น้ำนี้ยังคงความเป็นธรรม
ชาติไม่แตกต่างไปจากเดิม สำหรับปลาที่มีถิ่นอาศัย อยู่ใน
ลุ่มน้ำลำธารที่มีกระแสน้ำไหลเอื่อยๆ และมีระดับความลึก
ของน้ำไม่มากนักมักหลบอาศัยตามรากไม้น้ำหรือใต้พุ่มไม้
น้ำที่มีลักษณะรก


นกแก้ว และคิงคอง เป็นปลาที่ผสมพันธุ์ระหว่างซินสไปรุ่มกับ
เรดเดวิล ซึ่งพ่อแม่พันธุ์แต่ละคู่ให้ลูกปลาในลักษณะที่แตกต่าง
กันออกไป พ่อแม่ปลาบางคู่จะให้ลูกปลามาเป็นปลานกแก้วใน
ขณะที่บางคู่จะให้ลูกปลาเป็นคิงคอง ซึุ่งปลานกแก้วและ
ปลาคิงคอง จะมีลักษณะใกล้เคียงกันมากเมื่อยังเล็ก คือ มีลักษณะกลมป้อม ผิวเป็นสีน้ำตาลจนถึงดำแล้วค่อยๆลอก
สีผิวออกเป็นสีส้มจรเป็นสีแดงเมื่อโตขึ้น
นกแก้ว

ปลานกแก้วจะมีลักษณะปากหักลงมา ริมฝีปากไม่ปิดสนิท แต่ปลาคิงคองจะมีปากที่ปิดสนิท หรือหุบลงได้
สีของปลาคิงคองจะออกแดงจัดกว่าปลานกแก้ว บริเวณหัวของปลา่คิงคองจะโหนกและมีขนาดที่ใหญ่
กว่าปลานกแก้วเมื่อโตเต็มที่

ทั้งปลานกแก้วและปลาคิงคองเป็นปลาที่ผสมข้ามสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมจากผู้ที่นิยมเลี้ยงปลาหมอสี
กันมากในยุคแรกๆซึ่งเป็นปลาที่นำเข้ามาจากประเทศไต้หวันจนกระทั่งระยะหลังๆมานี้มีผู้สามารถเพาะ
พันธุ์ได้สำเร็จจึงทำให้ปลาดัีงกล่าวมีราคาถูกลงมามาก ต่อมาจึงมีผู้นิยมนำปลานกแก้วและปลาคิงคองไป
ผสมข้ามสายพันธุ์กับปลาอื่น เพื่อดึงความแดงและความกลมป้อมออกมาใช้ โดยทั่วไปแล้วปลานกแก้ว
และปลาคิงคองตัวผู้มักจะเป็นปลาหมัน ดังนั้นจึงนิยมนำปลาเพศเมียไปผสมพันธุ์กับปลาสายพันธุ์อื่นๆ


ปลามังกรจัดเป็นปลาที่มีราคาแพงทั้งในประเทศแลละต่างประเทศ ซึ่งถ้าได้เกณฑ์มาตรฐานแล้วราคาอาจสูงถึงหลักล้านเลยทีเดียว ผู้เลี้ยงปลามังกรหลายท่านเชื่อว่า ถ้าเลี้ยงแล้วจะมีโชคลาภ จึงทำให้ความนิยมในการเลี้ยงปลามังกรไม่เคยตกลงเลย มีผู้เลี้ยงบางท่านยอมลงทุนอย่างมากเพื่อที่จะได้ปลาชนิดนี้มาเลี้ยงโดยไม่ต้องคอยลุ้นว่าเมื่อไหร่ปลามังกรตัวโตๆจะมีเกล็ดมันวาว แต่สำหรับบางท่านที่ต้องการเห็นตั้งแต่ตัวเล็กๆจนปลามังกรค่อยๆโตขึ้น เราก็มีเคล็ดลับง่ายๆในการเลี้ยงให้ปลามังกรโตเร็วและมีสุขภาพที่แข็งแรงด้วยวิธีง่ายๆและมีปัจจัยหลักๆดังนี้

1. อาหาร
สารอาหารที่มีผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของปลามังกร คือ โปรตีน และแคลเซียม สารอาหารเหล่านี้เราหาได้จาก ปลา นั่นเอง ดังนั้นการให้ลูกปลาเป็นอาหารจะให้ผลดีที่สุด แต่ก็ควรสลับกับอาหารชนิดอื่นๆบ้าง เช่น เนื้อสัตว์ อาหารชนิดนี้ควรล้างและลวกซะก่อน เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อบางชนิด บางท่านให้กินแมลงสาบเป็นอาหาร ซึ่งวิธีนี้ควรทบทวนให้ดี เพราะแมลงสาบเป็นพาหะอย่างหนึ่งที่จะนำเชื้อโรคเข้าสู่ตัวปลา ส่วนการให้ปลากินอาหารนั้น ควรให้ในปริมาณน้อยๆแต่ให้ถี่ๆ แต่คงจะยากสำหรับคนที่ไม่มีเวลามากพอที่จะนั่งเฝ้าดูปลากินอาหารทั้งวัน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ขอแนะนำให้ฝึกปลากินอาหารให้เป็นเวลาจะดีที่สุด

2.อากาศ
เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ปลาแข็งแรงสมบูรณ์ และทำให้ปลากินอาหารได้มากขึ้น ดังนั้นควรเปิดแอร์ปั๊มในตู้อยู่ตลอดเวลา

3.น้ำ
น้ำที่ดีที่สุดควรเป็นน้ำประปาที่ผ่านการกรองมาแล้วไม่ต่ำกว่า 24 ชม. pH ควรอยู่ที่ 6.5-6.8 ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำ 20-30% ของน้ำในตู้ทุกๆเดือน จะทำให้ปลารู้สึกสดชื่นกระตือรือร้นทันที

4. อุณหภูมิ
ไม่ควรปล่อยให้ต่ำเกินไป เพราะจะทำให้ปลากินอาหารได้น้อย ควรรักษาอุณหภูมิในตู้ให้คงที่

5.สภาพแวดล้อม
จัดสภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด จะทำให้ปลาไม่ตื่นกลัว และสามารถกินอาหารได้มากขึ้น

6.โรคภัย
โรคปลาจะเกิดขึ้นได้ ถ้าหากผู้เลี้ยงละเลยปัจจัยทั้ง 5 ที่กล่าวมา และการสังเกตปลาเป็นโรคเบื้องต้น ให้สังเกตการกินอาหาร และการว่ายน้ำ ถ้ามีอาการช้าลงแสดงว่าปลาเริ่มเป็นโรคแล้ว ควรหาวิธีแก้ไขให้เร็วที่สุดเพียงแค่ท่านปฏิบัติตามขั้นตอนที่กล่าวมานี้ ท่านก็จะได้เห็นปลามังกรที่โตเร็วและแข็งแรงเป็นผลตอบแทน


ปลาหมอสีฟลาวเวอร์ ฮอร์น(flower horn) เป็นปลาผสมข้ามสายพันธุ์ี่มีต้นกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย เริ่มเข้ามาในประเทศไทย ประมาณปลายปี 2543 และได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2544
flower horn จัดเป็นปลาที่มีความสวยงามมากมีลักษณะเด่นต่างๆที่ทำให้ผู้เลี้ยงปลาหมอสีบ้านเราเกิดความนิยมทั้งในรูปทรงและสีสัน โดยลักษณะนิสัยของ flower horn ค่อนข้างดุ รักและหวงถิ่นที่อยู่อาศัย กินอาหารได้บ่อยครั้งเจริญเติบโตได้ค่อนข้างเร็ว

ปลาหมอสีฟลาวเวอร์ ฮอร์น flowerhorn นั้นมีต้นกำเนิดมาจากสองทวีปคือ ปลาหมอสีพันธุ์ใหญ่จากอเมริกากลาง และอเมริกาใต้โดยไม่ได้รับการเปิดเผยจากผู้เพาะพันธุ์ว่าใช้ปลาอะไรบ้างเท่าที่สามารถสันนิษฐานได้จากลักษณะของปลา ได้แก่

1. ไตรมาคู จะได้ลักษณะของลวดลาย(Marking) และความเป็นมุกตามลำตัว
2. เรดเดวิล ให้ลักษณะเด่นด้านขนาดความใหญ่ของลำตัว และความโหนกของหัว
3. ซินสไปรุ่ม ให้ลักษณะเด่นทางด้านความใหญ่ของลำตัว และความโหนกของหัวเช่นเดียวกัน

นอกจากสามสายพันธุ์ที่ได้กล่าวมาแล้ว อาจจะมีสายพันธุ์อื่นๆเข้ามาผสมด้วย เพราะ flowerhornชนิดต่างๆมีมากมายเกิน 20 ชนิด ซึ่งแตละชนิดก็มีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ผู้ซื้อควรเลือกซื้อโดยพิจารณาว่าชอบลักษณะใด เช่น ชอบลวดลายดอกที่ลำตัว,หาง,กระโดง ก็อาจซื้อ flower streetเป็นต้น ทั้งนี้หลักการในการเลือกซื้อ flower horn ควรพิจารณาดังนี้ึครับ




1. ลวดลาย หรือ Marking บนตัวปลาส่วนใหญ่แล้วจะพิจารณา
Marking ที่ขาวตั้งแต่หัวจนถึงหางปลา จึงจะถือว่าเป็นปลาเกรด A หรือเป็นปลาคุณภาพ แต่ในบางครั้ง ก็ควรพิจารณาถึงองค์ประกอบอื่นๆด้วย เช่น สีสัน,รูปทรงของตัวปลา เช่น Perfect Harmony มี Markingเพียงแค่กึ่งกลางลำตัวแต่มีรูปร่างและสีสันที่สวยงามก็นับได้ว่าเป็นปลาเกรด A และมีราคาสูงถึงตัวละ ประัมาณ 5 แสนบาท

2. ความเป็นมุกที่ลำตัวและรอบๆมาร์คกิ้ง Flower Horn เป็นปลาที่มีความแวววาวตามลำตัว หรือที่
เรียกว่า "มุก" โดยจะมีมุกรอบๆมาร์คกิ้งทุกจุดและตามลำตัว ถ้าจับปลามาดูใกล้ๆจะเห็นความระยิบระยับอย่างชัดเจน ผิวปลาไม่เป็นสีดำคล้ำ สีผิวโทนสว่างตลอดลำตัว

3. สีสัน flower horn เป็นปลาที่มีสีสันเฉพาะตัวตามลักษณะ แต่ละชนิดของ Flower Hornโดยทั่วไปแล้วจะมีสีส้ม แดง หรือบางครั้งออกสีทอง

ในการเลือกซื้อflowerhornผู้ซื้อควรสอบถามข้อมูลต่างๆ จากผู้ขายว่าเป็นปลามาจากแหล่งใด
รวมทั้งข้อมูลในการเลี้ยง การให้อาหาร โดยควรจะศึกษาข้อมูลให้เพียงพอก่อนตัวสินใจซื้อเพราะ
flowerhornขนาดเล็กจะดูค่อนข้างยากว่าเป็นปลาสายพันธุ์แท้หรือไม่ เพราะจะมีลักษณะคล้าย
ไตรมาคูมาก ในขณะที่ราคาต่างกันสิบเท่าตัว จึงควรพิจารณาก่อนเลือกซื้ออย่างละเอียดถี่ถ้วน


ปลาหมอสีเท็กซัสแดง(Red Texas) เป็นปลาที่ผสมข้ามสายพันธุ์ที่ได้
รับความนิยมมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นปลาที่มีลักษณะเด่น
คือ ลำตัวมีสีแดงสลับกับสีขาวเป็นลสดลายสวยงาม ซึ่งมี
เกิดจากการผสมข้่ามสายพันธุ์กันระหว่าง เท๊กซัสเขียว
(Herichthys carpinte) ผสมข้ามสายพันธุ์กับปลามีสีพื้น
แดงอเมริกา หรือปลาพื้นแดงที่ข้ามสายพันธุ์มาแล้ว โดยทั่วไปมักจะนิยมผสมข้ามสายพันธุ์ดังนี้


1.เท็กซักเขียวตัวผู้กับเรดเดวิลตัวเมีย ซึ่งก็จะได้เท็กซัสแดงที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่เมื่อโตเต็มที่
จะมีโหนกใหญ่มาก มีลำตัวหนา มีลวดลายแตกต่างกันไปในแต่ละตัว

2. เท็กซักเขียวตัวเมียกับเรดเดวัลตัวผู้ซึ่งจะได้เท็กซัสแดงที่มีขนาดและรายละเอียดอื่นๆใกลเคียงกับข้อ 1

3. เท็กซักเขียวตัวผู้กับนกแก้วตัวเมีย การเพาะโดยใช้นกแก้วจะไม่สามารถสลับเพศได้เพราะ
นกแก้วเป็นปลาที่ข้ามมาแล้ว 1 ชั้นระหว่างนกแก้วกับซินสไปรุ่ม ลูกเท็กซัสแดงที่ได้จากเท็กซัสเขียวและนกแก้วจะมีสีส้มสดถึงแดง ลำตัวกลม หัวไม่โหนกมากนัก

4. เท็กซัสเขียวตัวผู้กับคิงคอง จะเพาะในลักษณะเดียวกับนกแก้ว ไม่สามารถสลับเพศได้ เท็กซัสแดงที่ได้จะมีลักษณะใกล้เคียงกับข้อ 3 แต่สีจะแดงฉ่ำกว่า

5. เท็กซัสเขียวตัวผู้กับเท็กซัสแดงตัวเมีย วิธีผสมนี้จะใช้ได้เฉพาะกับเท็กซัสแดงตัวเมียเท่านั้นเพราะเท็กซัสแดงตัวผู้ซึ่งเป็นปลาที่ข้ามสายพันธุ์มาแล้วจะเป็นหมัน โดยส่วนใหญ่ไม่สามารถนำมาเพาะพันธุ์ได้ ส่วนเท็กซัสแดงตัวเมียใช้ได้ทั้งเท็กซัสแดงที่มากจาก เรดเดวิล นกแก้วหรือคิงคองก็ได้ซึ่งเท็กซัสที่ได้จะมีลักษณะแตกต่างกัน ตามลักษณะแม่พันธุ์


สาเหตุที่เท็กซัสแดงได้รับความนิยมและมีราคาค่อนข้างสูง
เนื่องมาจากเท็กซัสแดงเป็นปลาที่ต้องอาศัยระยะเวลา
ในการลอกผิวนาน โดยจะลอกผิวด้า่นนอกเป็นสีแดงหรือ
สีส้ม แต่ระยะเวลาในการลอก และความสวยงามจะแตก
ต่างกันไปในแต่ละตัว จึงควรเลือกซื้อเท็กซัสแดงที่มีลวด
ลายตามลำตัวสวยงาม เริ่มมีการลอกหรือมีแววว่าจะลอก
โดยสอบถามถึงพ่อพันธุ์ และแม่พันธุ์จากผู้ขายเพื่อ
ประกอบการพิจารณาในการเลือกซื้อ


1. การเตรียมตู้ การเลี้ยงปลามังกรนั้นผู้เลี้ยงต้องคำนึงถึงเรื่องตู้เป็นอันดับแรก มาตรฐานขั้นต่ำที่ใช้เลี้ยงนั้นคือ 60*24*24 นิ้ว หรือ ประมาณ 150*60*60 ซม. จะสามารถเลี้ยงจากขนาดเล็กที่มีขายตามร้านค้าทั่วไปจนถึง ขนาด 24 นิ้ว จะสามารถทำให้ท่านเลี้ยงได้ประมาณ 4-5 ปี แล้วจึงค่อยขยับขยาย” แต่หากท่านที่มีเนื้อที่

ค่อนข้างจำกัดจริงๆก็สามารถเลี้ยงได้ตลอดไป แต่กระจกที่ใช้ควรจะหนาประมาณ 3 หุน ขึ้นไป และ ในกรณีที่พอมีเนื้อที่ในด้านกว้างที่พอจะเพิ่มได้ควรจะกว้างอย่างน้อย 30 นิ้ว หรือ 75 ซม. สูง 36 นิ้ว แต่จะให้ดีก็ กว้าง 36 นิ้ว หรือ 90 ซม. สูง 36 นิ้ว ไปเลยก็จะดี ปลาขนาดใหญ่จะได้ไม่เครียด”( ที่สำคัญอย่าลืมเผื่อกันกระโดดด้วย ประมาณ 4-6 นิ้ว แล้วแต่ขนาดของปลา ) ที่ผมแนะนำอย่างนี้ก็เพื่อผู้เลี้ยงจะไม่ต้องเปลืองสตางค์ซื้อตู้บ่อยๆ แล้วตู้ที่ไม่ได้ใช้เกะกะเต็มบ้านจนต้องยอมขายถูกๆหรือไม่ก็ยกให้ใครไปฟรีๆ แต่ปัญหาที่พบบ่อยปลาเล็กในตู้ขนาดใหญ่ คือ ตื่นกลัว ทำให้การว่ายไม่สง่า ครีบลู่ วิธีแก้คือ หาแท้งค์เมท มาเพิ่มสัก 2-5 ตัว แล้วแต่ขนาดของตู้ ปลาที่ผมอยากจะแนะนำได้แก่ ปลานกแก้ว เป็นตัวหลัก เพราะ เป็นปลาที่ไม่มีข้อเสีย เลย แถมยังข้อดีเพียบ แต่ ไม่ควรใส่จนเยอะเกินไป หรือ นำนกแก้วที่มีขนาดใหญ่กว่าปลามังกรใส่ลงไป ก็จะสามารถแก้อาการตื่นกลัวได้ หากไม่มีปัจจัยอื่นที่ทำให้ปลาตื่นกลัว เช่น เด็กชอบมาทุบกระจก หรือ ตู้ปลาอยู่ตรงทางเดินที่มีคนพลุกพล่าน เป็นต้น

ในกรณีท่านที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเนื้อที่ เมื่อปลาได้ขนาด 16 –18 นิ้วแล้วจึงย้ายปลาไปอยู่ในตู้ที่ใหญ่ขึ้น จะทำให้ปลาที่ท่านเลี้ยงโตขึ้นโดยไม่สะดุด และการว่ายจะไม่มีปัญหา และปลาจะไม่เกิดความเครียด

เมื่อท่านเลือกขนาดตู้ที่เหมาะสมแล้วนั้นการเลือกระบบการกรองชีวภาพ และรายละเอียดปลีกย่อยทุกอย่างล้วนมีความสำคัญทั้งสิ้น

2. น้ำที่ใช้เลี้ยงปลา จะต้องเป็นน้ำที่ปราศจากคลอรีน บางท่านอาจจะใช้การพักน้ำให้คลอรีนระเหยบ้าง ใช้เครื่องกรองน้ำบ้าง ( ข้อควรระวัง ห้ามใช้เครื่องกรองที่มีวัสดุกรองเป็นเรซินหรือเครื่องกรองน้ำที่ใช้ดื่ม วัสดุกรองที่ใช้กรองคลอรีนจะต้องเป็นถ่านกะลาเท่านั้น หากใช้คาร์บอนชนิดอื่นอาจทำให้น้ำเป็นด่างสูงเป็นอันตรายต่อปลาได้ ) คุณภาพน้ำที่ใช้เลี้ยงปลามังกรนั้นค่อนข้างสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าหากให้ผมแนะนำการที่จะได้มาซึ่งคุณภาพน้ำสูงสุดนั้น ควรใช้น้ำปะปาแล้วต่อเครื่องกรองคลอรีนแล้วนำน้ำไปพักให้ตกตะกอนหากน้ำที่พักทิ้งไว้เป็นเวลาหลายวันควรมีหัวทรายตีน้ำไว้เพื่อคงระดับออกซิเจนในน้ำเพื่อป้องกันน้ำเสีย จะทำให้ท่านได้น้ำที่ปราศจากคลอรีน ใสไม่มีตะกอน และมีออกซิเจนสูง อุณหภูมิน้ำในตู้บริเวณผิวน้ำควรอยู่ระหว่าง 30-34 องศาเซลเซียส น้ำที่ต้องห้ามใช้เลี้ยงปลามังกร ได้แก่ น้ำที่มีสารเคมีทุกชนิดปนอยู่ น้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่างสูง น้ำฝน น้ำบาดาล น้ำสกปรก คือน้ำที่มีออกซิเจนละลายอยู่ในปริมาณต่ำ

3. อาหาร ที่ใช้เลี้ยงปลามังกรก็มีส่วนสำคัญ ซึ่งมีผลโดยตรงกับการเจริญเติบโตของปลา รวมถึงรูปทรงและสีสันของปลา อาหารที่ใช้เลี้ยงได้แก่ แมลงเกือบทุกชนิด ลูกปลา หนอน ไส้เดือน กบ กุ้งฝอย เนื้อกุ้ง รวมทั้ง อาหารเม็ด การให้อาหารปลามังกรนั้นไม่จำกัดตายตัว ว่าจะต้องกินอย่างไร ซึ่งจะขึ้นอยู่กับ ความสะดวกของผู้เลี้ยง และอุปนิสัยการกินของปลาประกอบเข้าด้วยกัน แต่ที่ผมจะแนะนำคือ ปริมาณอาหารที่ให้ในแต่ละวันนั้นจะต้องไม่มาก หรือน้อยเกินไป โดยส่วนมากแล้วเมื่อปลาอิ่มจะไม่สนใจอาหารแล้วเชิดหน้าใส่ ยกเว้นจะเป็นของที่โปรดปรานจริงๆจึงจะฝืนกินจนพุงกางบางท่านชอบทำแบบนี้แล้วชอบใจว่าปลาของเรากินเก่ง แต่ผลเสียก็คือ ปลาของท่านจะเป็นโรคอ้วน เสียทรง ตาตก เพราะอาหารที่พวกมัน โปรดปรานส่วนใหญ่หนีไม่พ้นอาหารที่มีไขมันสูง อันได้แก่ หนอนนก หนอนยักษ์ จิ้งหรีด กบ ตะพาบ ซึ่งอาหารจำพวกนี้ควรควบคุมปริมาณที่ให้ในแต่ละวัน แต่จะงดไปเลยก็ไม่ดี เพราะจะทำให้ปลาท่านไม่โต หรือโตช้า เนื่องจากอาหารจำพวกนี้จะอุดมไปด้วยโปรตีนซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ใช้ในการเจริญเติบโต การให้อาหารที่ดีนั้น ท่านควรสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อยๆเพื่อสุขภาพปลาของท่านจะแข็งแรงมีภูมิต้านทานสูง เหมือนกับคนเราที่ได้รับประทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ยกตัวอย่างให้เข้าใจได้ง่ายดังนี้

เดือนมกราคม หนอนนก กุ้งฝอย ลูกปลา

เดือนกุมภาพันธ์ หนอนยักษ์ กุ้งฝอย ลูกกบ

เดือนมีนาคม จิ้งหรีด กุ้งฝอย เนื้อกุ้ง

เดือนเมษายน ตะขาบ กุ้งฝอย ลูกตะพาบ

เดือนพฤษภาคม แมลงป่อง กุ้งฝอย จิ้งจก

เดือนมิถุนายน ก็กลับหมุนเวียนเอาของเดือนมกราคมขึ้นมาใหม่ เป็นต้น

หรือ จะเอาทุกอย่างมาสับเปลี่ยนหมุนเวียนในแต่ละวันก็ได้ แต่อาหารที่มีทั่วไปหาซื้อง่าย ได้แก่ หนอนนก กุ้งฝอย เนื้อกุ้งสด ลูกปลา จิ้งหรีด ลูกกบ อาหารที่ไม่แนะนำให้ใช้กับปลามังกรได้แก่ แมลงสาบ ถ้าท่านไม่ได้เพาะพันธ์เองไม่ควรใช้ เนื้อหมู หรือ เนื้อวัว จะทำให้ย่อยยาก อาจทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับลำไส้ หรือเมื่อใช้เลี้ยงไปนานๆปลาของท่านอาจจะตายโดยไม่รู้สาเหตุ เพราะในเนื้อหมูหรือเนื้อวัวนั้นจะมีพยาธิบางชนิดค่อยๆกัดกินอวัยวะภายในจนตาย เนื่องจากมันไม่ใช่อาหารของมันตามธรรมชาติ จึงไม่มีกลไกภายในร่างกายสามารถป้องกันได้

;;
Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม